ระยะหลังจากนี้การเคลื่อนที่ด้านการเมืองถือว่าน่าติดตามเป็นอย่างมาก ข้างหลังการโหวตปรับแต่งร่างรัฐธรรมนูญวาระ 3 ช่วงวันที่ 17 เดือนมีนาคม
พรรคร่วมรัฐบาลส่วนมากอาศัยคำตัดสินศาลรัฐธรรมนูญ สร้างความยุติธรรมงดเว้นออกเสียง สมาชิกวุฒิสภาก็เป็นไปตามคาดโหวตมองไม่เห็นถูกใจ ส่งผลให้ข้อบังคับจำเป็นต้อง “แท้ง” ไป
อาฟเตอร์ช็อกรัฐธรรมนูญ เจอร่องรอยปริร้าวด้านในพรรคร่วมรัฐบาล
พรรคประชาธิปัตย์ที่ยกธงสนับสนุนปรับแก้รัฐธรรมนูญและก็เป็นข้อแม้สำคัญร่วมรัฐบาล ออกมาแสดงความขุ่นมัวทีท่าของพรรคแกนนำรัฐบาลว่าไม่จริงใจมาตั้งแต่ตอนแรกราวกับ “ขายผ้าเอาหน้ารอด”
ไม่ต้องระบุก็เพียงพอรู้กัน พุ่งเป้าไปยังพรรคพลังประชากรเมือง
หรือกรณี นายชาดา ไทยเศรษฐ์ สมาชิกสภาผู้แทนราษฎรจังหวัดอุทัยธานี พรรคยินดีไทย ลุกขึ้นยืนประกาศกึ่งกลางห้องประชุมสภานิติบัญญัติก่อนโหวตวาระ 3 ร่างรัฐธรรมนูญวันที่ 17 เดือนมีนาคม เจาะจงไม่ขอร่วมสังฆกรรมด้วยกับพวกต้มตุ๋น ศรีธนญชัย พูดเท็จ กะล่อน ไม่เป็นประโยชน์สิ้นดี ที่ประชุมโจ๊ก
แล้วต่อจากนั้นนำกลุ่มวอล์กเอาต์ลอยตัวจากการโหวต
งานนี้ นายไพบูลย์ นิติพระอาทิตย์ รองหัวหน้าพรรคพลังประชากรเมือง ออกมาเรียกร้องให้ นายสมุดบันทึก ชาญวีรกูล หัวหน้าพรรคกระหยิ่มใจไทย แสดงความรับผิดชอบ สืบสวนความประพฤติของสมาชิกพรรค ด้วยเหตุว่าพอๆกับดูถูกดูแคลนตัวเอง สมาชิกสภาผู้แทนราษฎร สมาชิกวุฒิสภา ติเตียนสภานิติบัญญัติเป็นที่ประชุมโจ๊ก
นายไพบูลย์ออกมาขย่มเปรียบเสมือนขยายความคับข้องระหว่างเพื่อนพ้องร่วมรัฐบาล
จะต้องไม่ลืมเลือน “แผลเดิม” ตอนโหวตอภิปรายไม่ไว้วางใจรัฐมนตรีรายตัว เมื่อถึงคิวลงคะแนนนายศักดาไทย ติดถูกใจ รัฐมนตรีว่ากระทรวงคมนาคม รวมทั้งเลขาธิการพรรคกระหยิ่มใจไทย ปรากฏว่า สมาชิกสภาผู้แทนราษฎรพลังประชากรเมือง 6 ผู้ที่เรียกตัวเองกรุ๊ป “ดาวฤกษ์” นำโดย “มาดามเดียร์” วทันยา วงษ์โอภาสี แหวกกติกาพรรคร่วมรัฐบาล ความเห็นชอบพรรคพลังประชาชนเมือง งดเว้นออกเสียงให้นายอำนาจไทย
ถึงแม้ไม่เป็นผลต่อมว่ากล่าวไม่ไว้วางใจแม้กระนั้นในทางการบ้านการเมืองนับว่าเป็นเรื่องสำคัญ
การจัดการของพรรคพลังประชาชนเมืองต่อกรุ๊ปดาวฤกษ์ ดูเหมือนกับว่ายังไม่สมน้ำสมเนื้อเป็นที่น่าพออกพอใจพึงใจไทยเท่าไรนัก
ยิ่งไม่อาจมองผ่านการเกิดประชาธิปัตย์ ยินดีไทย ชาติไทยปรับปรุง ประสานมือร่วมสนับสนุนปรับแต่งรัฐธรรมนูญรอบใหม่ แต่ว่าไม่มีชื่อพลังประชากรเมืองทั้งๆที่เป็นแกนนำรัฐบาล ก็คงจะระบุเค้าลางบางสิ่งเหมือนกัน
สิ่งที่จำต้องจับตาในระยะอันใกล้เป็น การเปิดสัมมนาสภานิติบัญญัติยุควิสามัญอีกครั้ง เพื่อใคร่ครวญร่าง พระราชบัญญัติมติมหาชน เครื่องไม้เครื่องมือสำคัญเชื่อมโยงกับการปรับแต่งรัฐธรรมนูญจะเกิดขึ้นได้ไหม นายเชิญ หลีกภัย ประธานรัฐสภาหมายเอาตอนเปิดสัมมนาระหว่างวันที่ 7-8 ม.ย.นี้
หัวใจหลักของร่างกฎหมายดังที่ได้กล่าวมาแล้วข้างต้น เปิดทางให้สภานิติบัญญัติ ภาคราษฎร มีสิทธิเสนอเรื่องให้ทำมติมหาชนได้ ไม่ใช่จำกัดเฉพาะฝั่งรัฐบาลแค่นั้น
ถ้าร่าง พระราชบัญญัติมติมหาชนผ่านวาระ 3 ด้วยสาระดังที่กล่าวถึงมาแล้ว พอๆกับฝ่ายรัฐบาลจะไม่ใช่เป็นผู้กำหนดเกมจับความเป็นต่อฝ่ายเดียว สร้างเงื่อนไขให้กังวลกันว่าสุดท้ายร่างกฎหมายฉบับนี้ บางทีอาจถูกคว่ำตามร่างรัฐธรรมนูญก่อนหน้าที่ผ่านมา
เงื่อนด้านในพรรคร่วมรัฐบาล เงื่อนข้อบังคับมติมหาชนที่จะเปิดให้กว้างขึ้น
กำเนิดกระแสชิง “ยุบสภา”
กระแสญาติพี่น้อง “3เปรียญ” ตั้งพรรคการเมืองสำรอง เพราะว่าเอือมสุดจะทนแรงกดดันต่อรองด้านในพลังประชากรเมือง ด้วยเชื่อถืออีกทั้งบารมีพี่ใหญ่และก็ลูกกระสุนปืนดินดำหนาแน่น ที่สำคัญมี สมาชิกวุฒิสภา 250 คนนอนรออยู่ในกระเป๋า ก็เลยไม่บางทีอาจดูแคลนได้
ในทางการบ้านการเมือง บ่อยข่าวซุบซิบมักเดินล้ำนำทางข่าวสารจริงเสมอ
ขึ้นกับว่า อะไรเป็นตัวรีบปฏิกิริยา
ข้อตกลง รัตนสร้อย
เดินหน้าชน : จับกระแส
